พระมหาเวสสันดร
พระเวสสันดรฉบับนี้
ผู้เขียนได้บอกในตอนท้ายว่าได้เขียนตั้งแต่ต้นคือ กัณฑ์ทศพร
จนถึงกัณฑ์นครกัณฑ์ ทั้งหมดสิบสามกัณฑ์
แต่ที่พบมีเพียงกัณฑ์วนปเวสน์จนถึงกัณฑ์นครกัณฑ์เท่านั้นรวมสิบกัณฑ์
และเขียนด้วยฉันท์ และกาพย์
ที่มา : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
. พระเวสสันดร ..
มหาเวสสันดรชาดร เป็น เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาที่คนไทยรู้จักตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ไม่มีหลักฐานปรากฎ ต่อมาเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร โดยภูมิปัญญาของนักปราชญ์ราชบัณฑิตและบรรพบุรุษ ปัจจุบันมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้รู้ได้แต่งตำราพระเวสสันดรชาดรไว้หลายรูปแบบ ด้วยกัน เช่น โคลงฉันท์ กาพย์ ร่าย กลอนแหล่ และเล่าเป็นนิทาน
ตำนานพระเวสสันดรชาดร

พระเวสสันดร คือ พระโพธิสัตว์คราวที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ได้บำเพ็ญบารมีอย่างสูงสุด ยากเกินกว่าผู้ใดจะทำได้ คือ พระราชทานบุตรและภรรยาแก่ผู้ที่มาขอนอกจากนั้นยังบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่ อื่นๆ ครบถ้วนทั้ง 10 ประการ หรือเรียกว่า “มหาชาติ” พระเวสสันดรชาดรเป็นหนังสือเรื่องยาว 13 ผูก ผูกหนึ่งอาจแบ่งเป็นหลายกัณฑ์ ในที่นี้จะยกตำนานพระเวสสันดรบางกัณฑ์ที่สำคัญมานำเสนอคือ “ทานกัณฑ์” เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรถูกขับออกจากเมืองสีวี หรือบางตำราเรียก “ สีพี ”
ประวัติความเป็นมา
ด้วยพระเวสสันดรทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการบริจาคตั้งแต่ทรงเจริญวัย ทรงขอให้พระบิดาตั้งโรงทานเพื่อบริจาคข้าวปลาอาหารและสิ่งของจำเป็นแก่ ประชาชน และหากมีผู้มาทูลขอสิ่งใดจากพระองค์ ก็จะทรงบริจาคให้โดยมิได้เสียดาย ด้วยทรงเห็นว่าการบริจาคทานนั้นเป็นกุศลและประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ทั้งผู้ รับและผู้ให้ คือผู้รับก็จะพ้นความเดือดร้อน ผู้ให้ก็จะอิ่มเอิบเป็นสุข พระเกียรติคุณของพระเวสสันดรเลื่องลือไปทั่วว่า ทรงมีจิตเมตตาต่อผู้อื่น โดยมิได้เห็นแก่ความสุขสบายและทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์
ต่อมาเมื่อชาวเมืองกลิงคราษฎร์เกิดข้าวยากหมากแพง เพาะปลูกไม่ได้ผล ราษฎรอดอยากได้รับความเดือดร้อน จึงทูลพระราชาของตนว่าที่แคว้นสีวี มีช้างเผือกคู่บุญพระเวสสันดรชื่อช้างปัจจัยนาค เป็นช้างเผือกเพศผู้ มีอำนาจพิเศษ คือ ถ้าอยู่ที่เมืองใดจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ขอให้ส่งทูตไปขอช้างจากพระเวสสันดร ดังนั้นพระเจ้ากลิงคราษฎร์จึงส่งพราหมณ์แปดคนไปแคว้นสีวี

เมื่อพบพระเวสสันดรประทับบนหลังช้างปัจจัยนาค พราหมณ์จึงทูลขอช้างเพื่อดับทุกข์ชาวกลิงคราษฎร์ พระเวสสันดรก็ประทานตามที่ขอ เมื่อชาวมืองสีวีเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ พากันโกรธเคืองว่าต่อไปบ้านเมืองจะลำบาก เพราะไม่มีช้างปัจจัยนาคเสียแล้วพากันไปทูลพระเจ้าสัญชัยให้ขับพระเวสสันดร ออกจากเมืองไป พระเจ้าสัญชัยไม่อาจขัดราษฎรได้จึงมีพระราชโองการให้ขับพระเวสสันดรออกจาก เมืองสีวี พระเวสสันดรไม่ทรงขัดข้อง แต่ได้ทูลขอบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ก่อนเสด็จออกจากเมือง โดยบริจาค “สัตตสดกมหาทาน” คือบริจาคทานเจ็ดสิ่ง สิ่งละเจ็ดร้อย แก่ประชาชนชาวเมืองสีวี เมื่อพระนางมัทรี พระมเหสีทรงทราบก็ขอติดตามออกไปด้วยพร้อมทั้งพระโอรสธิดา กัณหาชาลี ครั้นพระนางผุสดี พระมารดาไปทูลขอพระเจ้าสัญชัย ให้อภัยโทษแก่พระเวสสันดร พระเจ้าสัญชัยตรัสว่า “บ้านเมืองจะเป็นสุขได้ ก็เมื่อราษฎรเป็นสุข พระราชาจะเป็นสุขได้ ก็เมื่อราษฎรเป็นสุข ถ้าราษฎรมีความทุกข์ พระราชาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร แม้พระเวสสันดรจะเป็นลูกของเราก็ตาม” ในที่สุดพระเวสสันดรและพระ


1. ความเชื่อที่ปรากฎในตำนาน
- เชื่อว่าพระเวสสันดร คือ พระโพธิสัตว์ที่เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร เพื่อบำเพ็ญเพียรบารมีอันยิ่งใหญ่
- เชื่อว่าช้างปัจจัยนาค ช้างเผือกเพศผู้มีอำนาจพิเศษอยู่ที่ใดก็จะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล มีความอุดม สมบูรณ์
2. คุณค่าของภูมิปัญญา
2.1 ด้านศาสนา
- คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ในเรื่องนี้จะเห็นว่ามีศาสนาฮินดูรวมอยู่ด้วย จากข้อความ “...ส่งพราหมณ์แปดคนไปแคว้นสีวี” ส่วนภูมิปัญญาในการสืบทอดพุทธศาสนาให้มั่งคง น่าจะเป็นการเล่าเรื่องสืบ ต่อกันมาทำให้ได้รู้พระจริยวัตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า
2.2 ด้านสังคม
- ทำให้ตระหนักถึงการให้ การเสียสละ เพื่อมุ่งหวังให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ และตัวผู้ให้เองก็จะได้รับความสุข สังคมก็ จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่ขัดแย้งและชิงดีชิงเด่นกัน

แนวทางการอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญา
พระเวสสันดร เป็นเรื่องราวที่นำเสนอในรูปแบบ ชาดก หมายถึง การที่พระพุทธเจ้าเวียนว่ายตายเกิด ถือเอากำเนิดในชาติต่างๆ บำเพ็ญเพียรบารมีก่อนจะตัรสรู้เป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธ ดังนั้นการอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาพระเวสสันดร จึงน่าจะเป็นการสืบทอดด้วยประเพณี เช่น ประเพณีงานบุญพระเวส บุญเดือนสี่ หรือบุญเทศน์มหาชาติ หมายถึงบุญอันยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับพระมหาเวสสันดรชาดกนั่นเอง โดยรวมกัณฑ์ต่างๆ มาเทศน์ให้อุบาสก อุบาสิกาฟัง จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษนี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธ ศาสนา ที่ยึดถือปฏิบัติต่อกันมาช้านาน เกิดเป็นประเพณีที่สำคัญจนถึงปัจจุบัน
0 comments:
Post a Comment